วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

ความลับของช็อกโกแลต

http://www.bloggang.com/data/ta-to/picture/1209732891.jpg


มีข้อกล่าวหามากมายเกี่ยวกับช็อกโกแลต อีกทั้งความเชื่อผิดๆ ที่ว่าช็อกโกแลตเป็นบ่อเกิดของสิว

เพราะจริงๆ แล้วการเกิดสิวนั้น ไม่มีผลมาจากการรับประทานอาหารชนิดใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ
ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า ช็อกโกแลตมีคาเฟอีนนั้น จริงๆ แล้ว มีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้นค่ะ
โดยอัตราส่วนช็อกโกแลต 1.4 ออนซ์ จะมีคาเฟอีนแทรกอยู่เพียง 6 มิลลิกรัม
ซึ่งเท่ากับจำนวนของ คาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟแบบดีแคฟค่ะ
และสำหรับไวท์ ช็อกโกแลตนั้น ไม่มีคาเฟอีนอยู่เลยค่ะ
โดยรวมๆ แล้ว ช็อกโกแลตสามารถเรียกได้ว่า เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ อย่างดีทีเดียวนะคะ
เพราะในต่างประเทศ ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า สารประกอบในช็อกโกแลต มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็ง
และลดอัตราการเกิดโรคหัวใจค่ะ เพราะในตัวช็อกโกแลตนั้น มีสารที่ชื่อว่า ฟีโนลิค อยู่ในปริมาณสูง
ฟีโนลิค เป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือดค่ะ
ที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วยหล่ะค่ะ


สาวๆ คะ กรุณาอย่าข้ามย่อหน้านี้ค่ะ

รู้ไหมว่าช็อกโกแลตนั้น สามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์ต่อมรักได้ด้วยนะคะ
ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ช็อกโกแลตมักมีเอี่ยวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อยู่เสมอ

http://astro.popcornfor2.com/editor_store/horoscope/tainisai/Chocolate.jpg


ไม่ใช่แค่เพียง การมอบช็อกโกแลตให้กัน ในวันวาเลนไทน์เท่านั้น แต่มีเรื่องเล่าขานกันมาว่า

นายมองเตชูมา นักรบผู้พิชิตแห่งเสปน มักจะดื่มช็อกโกแลตเป็นประจำเสมอ ก่อนไปหาเหล่าภรรยา(หลายคน) ของเขาค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อให้ช่วยกระตุ้นอารมณ์รัก อย่างที่บอกยังไงล่ะคะ

เป็นเรื่องจริงที่ว่า ช็อกโกแลตทำให้อยากมีเซ็กส์มากขึ้นค่ะ
เพราะในช็อกโกแลตมีสารกระตุ้น ที่มีผลต่อหัวใจ และระบบประสาท
เมื่อรับประทานช็อกโกแลต หัวใจจะเต้นแรงขึ้น รู้สึก hyper บางทีรู้สึกคึกคัก อยากกระโดดโลดเต้น
อาจจะมึนนิดๆ นี่แหละค่ะ เป็นตัวที่จะไปกระตุ้นอารมณ์ปรารถนา ที่ค้างคาอยู่ให้โหมขึ้นไงล่ะคะ
อีกทั้งเคยมีคนพูดว่า อารมณ์ตอนทานช็อกโกแลตนั้น เหมือนอารมณ์ตอนตกหลุมรักค่ะ
เพราะร่างกายเราจะหลั่งสารชนิดเดียวกันออกมา
มีข้อต่างกันก็ตรงที่ เราหาซื้อความรักไม่ได้ แต่เราสามารถหาซื้อช็อกโกแลตได้ ถ้ามีร้านค้าอยู่ใกล้ๆ ค่ะ





ประโยชน์อื่นๆ ของช็อกโกแลต

  • ช่วยปรับอารมณ์ และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติค่ะ เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลาย

  • ฉะนั้น ช็อกโกแลตจึงถือได้ว่า เป็นขนมหวานอันดับหนึ่ง สำหรับผู้หญิงเลยทีเดียวค่ะ
  •  
  • ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือน อย่างได้ผลเลยหล่ะค่ะ

  • ช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ hangover ได้ด้วย จะได้เลิกเมาค้าง ข้ามวันข้ามคืนไงคะ

  • ป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะได้พิสูจน์พบแล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลต

  • เป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดงค่ะ

  •  ช่วยลดอาการอักเสบ เวลาเจ็บป่วยต่างๆ

  • มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัว และยังช่วยให้ กระฉับกระเฉงอีกด้วยค่ะ

  • ในมิลค์ ช็อกโกแลต อัตราส่วน 1.4 ออนซ์ จะประกอบด้วย โปรตีน 3 กรัม แคลเซียม 5% และธาตุเหล็กถึง 15%

  • โดยเฉพาะช็อกโกแลต ที่ใส่ถั่ว หรืออัลมอนด์ จะมีสารอาหารพวกนี้มากขึ้นตามไปด้วยค่ะ


  • http://www.whoweeklymagazine.com/file-lib/picmedia/image/Travel/Recipes/09February/Novotel/00-k.jpg

  • เห็นไหมคะ นี่ขนาดฝรั่งเขายังวิจัย ล้วงความลับ ของช็อกโกแลต กันมาไม่หมดนะเนี่ย
    เรายังพบข้อดีของช็อกโกแลต ได้มากมายหลายข้อเลยค่ะ เอาเป็นว่า ทานเข้าไปเถอะนะคะ
    ไม่ต้องกลัวสิว ไม่ต้องกลัวอ้วนกันอีกต่อไปแล้ว ขอแค่รับประทานอย่างพอดีๆ และสำนึกไว้เสมอว่า
    ช็อกโกแลตเนี่ย อุดมไปด้วยไขมัน และโกโก้ ซึ่งถ้าร่างกายได้รับมากเกินไป จะสามารถเพิ่มปริมาณคอเรสเตอรอลได้ค่ะ
    เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ควรดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี และอย่าตามใจปากมากนัก
    เพราะการทานอาหารอะไรก็ตาม ในปริมาณที่มากเกินไป ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาได้ด้วยกันทั้งสิ้นค่ะ

  • http://www.healthyalberta.com/Images/HE_Is_Chocolate_Good_for_Us.jpg



  • ชนิดของช็อกโกแลต

    ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมที่นิยมมาก และมีให้เลือกในหลากหลายรูปแบบรูปแบบและรสชาติของช็อกโกแลตนั้นแตกต่างกันได้โดยส่วนผสมและปริมาณของส่วนผสมในช็อกโกแลต นอกจากส่วนผสมแล้วรสชาติยังแตกต่างกันโดยระยะเวลาและอุณหภูมิของการคั่วเมล็ดโกโก้ด้วย


    1. ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวานช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน (unsweetened chocolate) คือ ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือที่รู้จักกันในนาม ช็อกโกแลตฝาด ใช้ในการอบอาหาร และเป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการเจือปนใด ๆ ทั้งสิ้น ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติเข้มข้มและลุ่มลึกของช็อกโกแลตบริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ดีเมื่อมีการเพิ่มน้ำตาลเข้าไป ช็อกโกแลตชนิดนี้จะใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำบราวนี เค้ก ลูกกวาด และคุกกี้



    2. ช็อกโกแลตดำช็อกโกแลตดำ (dark chocolate) คือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกเป็นช็อกโกแลตธรรมดา แต่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเป็นช็อกโกแลตหวาน และกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35% ช็อกโกแลตดำมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ป้องกันมิให้เกิดคราบไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ สาเหตุของโรคหัวใจเลือดตีบ และช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดแข็งตัว สาเหตุของการอุดตันในหลอดเลือด และป้องกันความดันโลหิตสูง


    3. ช็อกโกแลตนม
    ช็อกโกแลตนม (milk chocolate) คือช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้นหวาน รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดว่าหากจะเรียกว่าช็อกโกแลตนม ต้องมีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 10% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 25% ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ (cocoa butter) นม และยังเพิ่มความหวานและรสชาติลงไปด้วย ช็อกโกแลตนมนี้ใช้สำหรับแต่งหน้าขนมได้เป็นอย่างดี ช็อกโกแลตนมที่ทำในประเทศสหรัฐฯ ต้องประกอบด้วยน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 10% และนม
    ที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12%
    4. Chocolate Liquorเป็นผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ น้ำช็อกโกแลตนี้สามารถทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ แต่ช็อกโกแลตที่ได้เป็นชนิดที่ไม่หวาน น้ำช็อกโกแลตนี้จะมีส่วนผสมของโกโก้บัตเตอร์ประมาณ 53%



     5. ช็อกโกแลตกึ่งหวานช็อกโกแลตกึ่งหวาน (semi-sweet) อยู่ในรูปของเหลวแล้วเพิ่มความหวานและใส่เนยโกโก้ลงไปด้วย สีของช็อกโกแลตชนิดนี้สีจะเข้ม ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ จะมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตประมาณ 35% และมีไขมันประมาณ 27% ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติความหวานเล็กน้อย



    6. ช็อกโกแลตหวาน
    ช็อกโกแลตหวาน (sweet chocolate) ช็อกโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไปมากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 15 % ช็อกโกแลตชนิดนี้ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมและตกแต่งขนม และยังมีไขมันเท่า ๆ กับช็อกโกแลตแบบหวานน้อย



    7. ช็อกโกแลตขาว

    ช็อกโกแลตขาว (white chocolate) ชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย ช็อกโกแลตขาวนี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้



    8. Liquid Chocolate
    เป็นช็อกโกแลตที่ไม่หวาน ส่วนใหญ่จะบรรจุขายเป็นขวด ขวดละ 1 ออนซ์ และเนื่องจากมันไม่ละลายจึงสะดวกในการใช้มาก โดยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้ ซึ่งเนื้อช็อกโกแลตจะแตกต่างกัน ปกติแล้วช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสไม่หวาน



    9. กูแวร์ตูร์
    ช็อกโกแลตชนิดกูแวร์ตูร์ (couverture) เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือจะเป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของเนยโกโก้อย่างน้อยที่สุด 32% ทำให้มันสามารถคงตัวอยู่ในรูปของไขได้ดีกว่าชนิดเคลือบ ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้านที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในรูปของส่วนที่เคลือบอยู่ภายนอกผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อกโกแลตอยู่ มีรสเผ็ด



    10. Ganache
    ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีลักษณะข้นมาก เป็นที่นิยมนำไปทำเค้กช็อกโกแลต Ganache ทำโดยการเทวิปปิงครีมที่นำไปอุ่นลงไปในชอคโกแลตสับในปริมาณที่เท่ากัน ทิ้งไว้สักครู่จนชอคโกแลตเริ่มละลายและคนให้เข้ากัน จะได้ส่วนผสมที่ข้นขึ้น อาจเติมเนยในปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเงาให้กับกานาชด้วย



    11. Confectionery Coating
    เป็นช็อกโกแลตที่ใช้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาติต่าง ๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของเนยโกโก้ เหมือนชนิดอื่น ๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้




    ประโยชน์ของช็อกโกแลต
    1.ป้องกันการเกิดมะเร็ง
    เพราะได้พิสูจน์พบแล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลตเป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดง
    2. ให้ช่วยคลายเครียด
    ช็อกโกแลตมีสารกระตุ้นระบบประสาท ทำให้สมองผ่อนคลาย และยังมีเซโรโทนินซึ่งเป็นสารสร้างความสุข ทำให้อารมณ์ดี ยิ่งกินยิ่งHappy
    3.ช่วยปรับอารมณ์ และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติ
    เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลาย ฉะนั้นช็อกโกแลตจึงถือได้ว่าเป็นขนมหวานอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิงเลย ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือนอย่างได้ผล
    4.ช่วยแก้อาการเมาค้าง
    ช็อกโกแลตช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ hangover ได้ด้วย
    5.ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ
    เพราะในตัวช็อกโกแลตนั้นมีสารที่ชื่อว่าฟีโนลิคอยู่ในปริมาณสูงซึ่งฟีโนลิคเป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระป้องการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือดงและที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วย
    6.ช่วยลดอาการอักเสบ
    ช็อกโกแลตช่วยลดอาการอักเสบ เวลาเจ็บป่วยต่างๆ มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัว และยังช่วยให้ กระฉับกระเฉงอีกด้วย
    7.ไม่มีผลต่อระดับคอเรสเตอรอล
    มีไขมันอิ่มตัว ปกติไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันร้าย ที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย ทำให้ระดับคอเรสเตอรอลในเลือดสูง แต่ยกเว้นไขมันใชช็อกโกแลต ถึงแม้จะเป็นไขมันอิ่มตัวเหมือนกัน แต่นักวิจัยยืนยันว่า....ไม่มีผลต่อระดับคอเรสเตอรอลเลย
    8.ช็อกโกแลตเป็นมิตรกับฟัน
    แม้ว่าของหวานจะเป็นตัวการทำให้ฟันผุ แต่สำหรับช็อกโกแลตนั้น เป็นข้อยกเว้น เพราะช็อกโกแลต ละลายได้ในน้ำลาย จึงไม่เหลือคราบติดที่ฟัน และยังมีกรดแทนนินซึ้งช่วยยับยั้ง การเกิดแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุด้วย




    การเลือกซื้อช็อกโกแลต

    การเลือกซื้อช็อกโกแลต อันดับแรกให้สังเกตสภาพของบรรจุภัณฑ์ ต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ฉีกขาด สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่มองเห็นช็อกโกแลต เราต้องสังเกตลักษณะของช็อกโกแลตภายในด้วย
    สิ่งที่ควรดูบนฉลากช็อกโกแลตประกอบด้วย
    "ชื่ออาหาร" ต้องแสดงชื่อที่ใช้เรียกอาหารตามปกติ เช่น ช็อกโกแลตนม หากใช้ ชื่อทางการค้าต้องมีข้อความแสดงประเภทหรือชนิดของอาหารกำกับชื่ออาหารด้วย เช่น อาร์นี่(ช็อกโกแลตนม)

    "เลขสารบนอาหาร" ภายในกรอบเครื่องหมาย อย. เป็นเลข 13 หลัก

    "วันเดือนปีที่ผลิตหรือวันเดือนปีที่หมดอายุของอาหารหรือควรบริโภคก่อน"

    "ชื่อ-ที่ตั้งของผู้ผลิต หรือ ผู้แบ่งบรรจุ" กรณีเป็นอาหารที่ผลิตในประเทศ อาจแสดงชื่อ-ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ได้ กรณีเป็นอาหารนำเข้าฯ ให้แจ้งชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้าและชื่อประเทศผู้ผลิต

    "น้ำหนักสุทธิ" เป็นระบบเมตริก เช่น น้ำหนักสุทธิ 200 กรัมชนิดของวัตถุดิบและปริมาณเป็นร้อยละของน้ำหนักเรียงจาก ปริมาณมากไปหาปริมาณน้อย

    "ใช้ไขมัน (ระบุและปริมาณของไขมันที่ใช้เป็นเปอร์เซ็นต์) แทนไขมันโกโก้" สำหรับช็อกโกแลตที่มีการใช้ไขมันอื่นแทนไขมันโกโก้บางส่วนจะต้องแสดงข้อความบนฉลากด้วยอักษรขนาดไม่น้อยกว่า 5 มิลลิเมตร สีอักษรตัดกับพื้นของฉลาก เราสามารถสังเกตข้อความดังกล่าวที่ใต้ชื่อของช็อกโกแลต ซึ่งช็อกโกแลตที่มีการใช้ไขมันอื่นแทนไขมันโกโก้บางส่วนนั้นจะสามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องได้ แต่หาก เป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการใช้ไขมันอื่นแทนไขมันโกโก้ ต้องจัดเก็บในตู้เย็น เนื่องจากช็อกโกแลตจะละลายได้




    ช็อกโกแลต

    ถิ่นกำเนิดของช็อกโกแลตอยู่ในแม็กซิโก เดิมเรียกว่า "คาคาฮอดทัล" ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ผลิตจากเมล็ดโกโก้ รสค่อนข้างขม แต่เมื่อเติมน้ำตาลแล้วรสชาติจะดี จึงมีการเรียกชื่อใหม่ว่า "ช็อกโกลาตส์" ...ผู้ที่นำเอารสชาติของช็อกโกลาตส์เข้าไปแพร่หลายในสเปน คือ เฮอร์นันโด คอร์เทส นักสำรวจชาวสเปนที่เข้าไปถึงในกลางแม็กซิโกเพื่อล่าอาณานิคม



    เล่ากันว่าจักรพรรดิมอนแตสซูม่าและชาวแอสแท็คคิดว่า คอร์เทส เป็นพระเจ้าจากทะเล จึงต้อนรับด้วยเครื่องดื่มคาคาฮอดทัลหรือช็อกโกลาตส์นี้แก่เขา หลังจากนี้ เครื่องดื่มรสประหลาดก็ได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศอื่นๆในยุโรป และเมื่อไปถึงอังกฤษ ชื่อของช็อกโกลาตส์ก็เพี้ยนไปเป็น ช็อกโกแลต













    ปี ค.ศ.1765 เป็นต้นมา
    เกิดโรงงานผลิตช็อกโกแลตจากเมล็ดโกโก้ขึ้นหลายแห่ง ทั้งในยุโรปและอเมริกา มีการผลิตนมช็อกโกแลต ช็อกโกแลตแท่ง ช็อกโกแลตเคลือบ ตลอดจนการประดิดประดอยช็อกโกแลตรูปต่างๆ ประเทศเดนมาร์กถือว่าแซนด์วิชช็อกโกแลตเป็นอาหารว่าง นอกจากนั้นยังมีผู้ผลิตบุหรี่รสช็อกโกแลตแล้วด้วย